ตามล่าหาภาพวาด
"ตามหาภาพวาด"
ตั้งแต่แมลงมีปีก
แมงมุม ก็รู้จักชักใย
❤❤❤ ตำรับโกง ❤❤❤
ที่ไม่อยากให้ท่าน
ถูกโกง
โคตรโกง
เราไม่ได้สอนให้คุณโกง
❤❤❤ แต่แนะนำให้คุณเห็นซึ้งถึงเล่ห์โกง ❤❤❤
.........................ตามหาภาพวาด.........................
เสี่ยวเลี่ยวโทร.ทางไกลมารายงานว่า
“ศาสตราจารย์หยาง เวลานี้ผมอยู่ในเมืองชนบทของสหรัฐ ขอแจ้งข่าวว่า ผมบังเอิญพบเห็นผู้หญิงแก่ชาวอเมริกันคนหนึ่ง แขวนภาพวาดของจางต้าเชียน *(จางต้าเชียน (Chang Dai-Chien) ชาตะ ค.ศ.1899 มรณะ ค.ศ.1983 เป็นจิตรกรที่มีชื่อที่สุดของจีนได้ชื่อว่าวาดภาพวิวทิวทัศน์ด้วยสีหมึกได้ยอดเยี่ยมอย่างหาตัวจับยาก) “อยู่ในบ้าน 2 ใบ ล้วนเป็นภาพขนาด 4 ฟุต เธอไม่รู้ว่าจางต้าเชียนเป็นใคร ผมก็ไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่น…”
“ภาพขนาด 4 ฟุต.?”
“ครับ ซ้ำยังเป็นภาพสีน้ำตวัดหมึก”
“ทำไมภาพวาดตกอยู่ในมือของแหม่มสูงอายุ?”
“ผมก็ไม่รู้ ได้ยินว่าเมื่อจางต้าเชียนอายุ 50 ปีเศษ เคยพักอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง แหม่มสูงอายุบอกว่านี่เป็นสามีเธอทิ้งไว้ เมื่อไม่ได้ผ่านการพิสูจน์จากคุณ ผมก็ไม่กล้าซื้อ…”
ศาสตราจารย์หยางเพราะวางหูโทรศัพท์ ก็ยกหูโทรศัพท์ขึ้น โทร.ไปลากิจกับมหาวิทยาลัยต้นสังกัด
วันรุ่งขึ้น ศาสตราจารย์หยางขึ้นเครื่องบินไปสหรัฐฯ
เสียวเลี่ยว พูดถูกในวงการภาพปัจจุบันนอกจากศาสตราจารย์หยางแล้ว ไม่มีใครวินิจฉัยได้ 100% ว่า ภาพวาดของจางต้าเชียนเป็นของจริงหรือของปลอม เอาแทบใช้ความรู้สึกก็แยกแยะออกว่าเป็นของแท้หรือเทียม
ความสามารถเฉพาะตัวนี้ ทำกำไรให้ศาสตราจารย์หยางไม่น้อย มีภาพวาดบางภาพที่คนอื่นไม่แน่ใจ เขามองดูแว๊บหนึ่ง ก็ทิ้งเงินไว้ให้ วันรุ่งขึ้นทำการเปลี่ยนมือ จะได้กำไร 2 เท่า
“ภาพขนาด 4 ฟุต?” ศาสตราจารย์อย่างหลับตายิ้มออกมา ถึงแม้ว่าเขาจองที่นั่ง first class เก้าอี้ที่นั่งปรับเอนนอนได้ การบินใช้เวลาถึง 17 ชั่วโมง แต่ว่าเขานอนไม่หลับ นึกถึงภาพวาดใบหนึ่งมีมูลค่า 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ 2 ภาพเท่ากับ 4 แสนดอลลาร์สหรัฐ หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมา
☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘
จากกรุงนิวยอร์ก เปลี่ยนเครื่องบินไปกรุงวอชิงตัน แล้วเปลี่ยนเป็นโดยสารเครื่องบินขนาดเล็ก ถึงเมืองชนบทแห่งนั้น ก็เป็น 28 ชั่วโมงให้หลังแล้ว
“ไม่ต้องหยุดพักผ่อน” ศาสตราจารย์หยางพูดกับเสี่ยวเลี่ยวที่มารับ “ฉันมีงานที่กรุงไทเป ต้องรีบกลับไป”
เสี่ยวเลี่ยวไม่กล้ารอช้ารีบกระโดดขึ้นรถ
รถขับออกชนบท เป็นเวลาปลายฤดูหนาว หิมะขาวโพลนไปหมดตัดกับต้นไม้ที่เหี่ยวโกร๋น
พอลุยเข้าป่า ยังผ่านผิวถนนที่ลื่นไหลอีกช่วงหนึ่ง รถค่อยจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง
ชายคาบ้านเอียงลาดลง หิมะสุมเป็นแท่งน้ำ หิมะบนบันไดก็ไม่ได้กวาดทิ้ง ทั้งสองคนคอยใช้มือเกาะลูกกรงปีนขึ้นไป
กดกริ่งประตูเป็นเวลานาน ค่อยเห็นแหม่มสูงอายุ รูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งมาเปิดประตู ทั้งไม่พูดอะไร หมุนตัวเดินกลับเข้าไป ชี้มือที่สั่นเท้าไป
“ พวกเธอดูเอง ไม่ต้องการเก็บไว้อีก ทุกอย่างขายหมด โต๊ะมีราคาที่สุด โคมไฟก็ไม่เลว…”
“เธอจะย้ายไปอยู่สถานสงเคราะห์คนชราแล้ว” เสี่ยวเลี่ยวกระซิบที่ข้างหูศาสตราจารย์หยาง
ทั้งสองคนลูบคลำโต๊ะ มองดูโคมไฟ ศาสตราจารย์แกล้งถอดแว่นสายตายื่นหน้าเข้าไป ใช้นิ้วดีดโคมไฟ พูดว่า “ทำจากทองเหลือง” แต่สายตาแอบชำเลืองภาพวาดที่แขวนบนผนังทั้ง 2 ใบ
ถ้าหากจางต้าเชียนมีญาณรับรู้ ภาพจิตรกรรมที่วิเศษสุดถูกแขวนอยู่อย่างนี้ คงคลั่งใจตาย แม้กระทั่งแผ่นไม้แข็งปิดข้างหลังยังไม่มี ใส่ภาพยับย่นอยู่ในกรอบไม้สีดำที่ไม่สะดุดตา 2 กรอบ
ศาสตราจารย์หยางเดินอ้อมเก้าอี้โซฟาอย่างระมัดระวัง เริ่มดูตั้งแต่ข้าวของเล็กๆเหนือเตาผิง แล้วค่อยเหลือบมอง “ผลงานยิ่งใหญ่” ทั้ง 2 ใบนั้นอย่าง “ไม่ตั้งใจ” หมุนตัวไปถามว่า “ภาพนี้ของใคร? เป็นภาพศิลปะจีน”
“ใช่ เป็นภาพจีน ไม่รู้ใครวาด แขวนไว้นานแล้ว” แหม่มสูงอายุตอบ
ศาสตราจารย์หยาง หันไปดูกระจกที่แขวนบนผนัง
“กระจกบานนี้ขายไหม?”
“ขาย 80 ดอลลาร์”
ศาสตราจารย์หยางส่งเสียงดังอ้อ ชี้มือไปที่ภาพวาดของจางต้าเชียน โดยไม่ได้เรียวหน้าไป
“แล้วภาพ 2 ใบนั่นหละ”
“ภาพละ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมเป็น 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ
“อะไรแพงถึงเพียงนี้?” ศาสตราจารย์หยางร้องออกมา “ไม่ใช่ภาพของคนมีชื่อเสียงสักหน่อย”
“แต่เป็นสามีฉันทิ้งเอาไว้ เขาบอกว่าเป็นภาพดี คุณพอใจก็ซื้อ ไม่อย่างนั้นฉันจะเก็บไว้เอง” แหม่มสูงอายุใช้มือสั่นเทา โยนกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆลงในเตาผิง เปลวไฟลุกพรึบขึ้นมา เกิดเขม่าควันมากมาย
“ไม่เห็นถูกเลย” ศาสตราจารย์หยางกระซิบบอกต่อเสี่ยวเลี่ยว
“ผมก็นึกไม่ถึง เป็นไปได้ไหมว่า เธอรู้ว่าจางต้าเชียนเป็นใคร?”
“นี่เป็นผลงานของจางต้าเชียนจริงๆ”
“คุณยังไม่ได้ดูโดยละเอียด แน่ใจได้ยังไง? ผมยังไม่มั่นใจ” เสี่ยวเลี่ยวพูดด้วยความตื่นเต้น
“ผมบอกแล้วว่าไม่มีปัญหา”
“จริงด้วย จริงด้วย แต่ระหว่างนี้ผมเงินตึง ถ้าคุณต้องการก็ซื้อไป”
ศาสตราจารย์หยางหมุนตัวไปทางแหม่มสูงอายุ ทำหน้าเฉยเมย ชูนิ้ว 2 นิ้ว
“ภาพละ 10,000 ดอลล่าร์ รวมเป็น 20,000 ดอลล่าร์
แหม่มสูงอายุก็พูดด้วยสีหน้าเฉยเมยว่า
“ 60,000 ดอลล่าร์ ลดเซ็นเดียวก็ไม่ขาย “
ศาสตราจารย์หยางควักสมุดเช็คออกมา เสี่ยวเลี่ยวตรงไปปลดภาพหยิบภาพวาดออกมาจากกรอบรูป พร้อมกับถามย้ำ
“ต้องการดูให้แน่ใจอีกไหม?”
“ไม่ต้องแล้ว” ศาสตราจารย์หยางรับภาพมาม้วนพับ บรรจุในกระบอกพลาสติกที่จัดเตรียมมา
ข้างนอกมีเกล็ดหิมะโปรยลงมาอีก
แต่ศาสตราจารย์หยางรู้สึกอบอุ่น ก่อนขึ้นเครื่องบินยังยัดเงินหมื่นดอลลาร์สหรัฐให้แก่เสี่ยวเลี่ยว
“ขอบใจมาก รอให้ฉันขายได้ ยังจะสมนาคุณอีก”
“ขอเพียงคุณตาถึง ภาพที่ดีอย่างนี้สมควรเป็นของคุณ”
“ไม่มีปัญหา “
☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘
เมื่อขากลับ ศาสตราจารย์หยางก็หลับไม่เต็มตา นึกถึงว่าพอภาพวาดเปลี่ยนมือ จะได้เงิน 4 แสนดอลลาร์สหรัฐ ทำกำไรสุทธิ 3 แสนดอลลาร์สหรัฐใช้เวลาแค่ 4 วันเท่านั้น
แต่ว่าเพิ่งกลับถึงบ้าน ศาสตราจารย์หยางก็ล้มป่วยลง ต้องหามส่งโรงพยาบาล
ขณะที่ไม่ได้สติ เขายังพร่ำเพ้อว่า
“เป็นภาพปลอมที่ทำขึ้นใหม่ชัดๆ ทำไมฉันดูไม่ออก?”
🌹🌹 หมายเหตุ 🌹🌹
เป็นใครหลอกต้มศาสตราจารย์หยาง?
เป็นเสี่ยวเลี่ยว กับแหม่มสูงอายุคนนั้นหรือ?
ก่อนอื่นเสี่ยวเลี่ยวหามืออาชีพปลอมภาพวาดจางต้าเชียนขึ้นมา 2 ภาพ แล้วว่าจ้างแหม่มสูงอายุคนหนึ่งหลอกต้มผู้ชำนาญการคนนี้ ถูกไหม?
แต่ว่าเสียวเลี่ยวก็เตือนสติศาสตราจารย์หยางบอกว่าเขาไม่แน่ใจ ขอให้ศาสตราจารย์หยางดูให้ดี แม้แต่ก่อนขึ้นเครื่องยังบอกว่า “ขอเพียงแต่คุณตาถึง…” ศาสตราจารย์หยางก็ตอบว่า “ไม่มีปัญหา” ส่วนแหม่มสูงอายุคนนั้นไม่ได้พูดแม้สักคำเดียวว่า นั่นเป็นผลงานของจางต้าเชียน
ฉะนั้นพวกเราสมควรบอกว่า
“ศาสตราจารย์หยางถูกตัวเองหลอกต้ม”
เขานึกว่าแหม่มสูงอายุชนบทคนหนึ่งไม่รู้จักของและคงไม่สามารถเล่นแร่แปรธาตุ จึงคลายความระวังและเนื่องจากบินเป็นระยะทางไกล 28 ชั่วโมง ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย บวกกับภายในบ้านมืดทึมทืบ ฝีมือการปลอมแปลงก็แนบเนียน ทั้งยังทำให้ยับ ใส่อยู่ในกรอบรูป เป็นเหตุให้ดูพลาด
เหตุผลสำคัญยิ่งกว่าคือ เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจ จะได้ไม่สะกิดความสนใจของแหม่มสูงอายุ ฉะนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้เพ่งดูภาพวาดสักเท่าไหร่
ทำไมคุณไม่บอกว่า เป็นศาสตราจารย์หยางคิดหลอกต้มแหม่มสูงอายุ?
ถ้าหากของที่แหม่มสูงอายุขาย เป็นภาพ “จางต้าเชียนของแท้” ซึ่งมีมูลค่า 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ ศาสตราจารย์หยางจ่ายแค่ หกหมื่นดอลล่าร์ ไม่ใช่หมายความว่าเสี่ยวเลี่ยวกับศาสตราจารย์หยางสมคบคิดกันเอาเปรียบแหม่มสูงอายุผู้น่าสงสารดอกหรือ?
ศาสตราจารย์หยางจึงเป็น “จอมต้มตุ๋นระดับชาติ”
ถ้าอย่างนั้นต้องบอกว่า ศาสตราจารย์หยางลักไก่ไม่สำเร็จ ขาดทุนข้าวไปกำมือยังตีโพยตีพายทำไม?
☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘
ที่ฮ่องกงมีเรื่องเล่ากันว่า
ชายคนหนึ่งเดินผ่านร้านขายนก เห็นกรงนกเก่าแก่ใบหนึ่ง นกในกรงถึงแม้เป็นสัตว์ปีกธรรมดา แต่ภาชนะที่บรรจุน้ำดื่ม เป็นโบราณวัตถุชิ้นหนึ่ง จึงแกล้งทำเป็นขอซื้อนกตัวนั้น
เจ้าของร้านพอเรียกราคา ชายคนนั้นสะดุ้งเฮือกอยู่ในใจ นกเล็กๆตัวหนึ่งทำไมมีราคาถึงเพียงนี้? ถือว่าขูดรีดชัดๆ ขณะเดียวกันก็นึกยินดี แค่ภาชนะที่ใส่น้ำในกรงนก มีราคาหลายหมื่นเหรียญฮ่องกง จึงตกลงซื้อ
เจ้าของร้านพอรับเงินไป ก็หยิบภาชนะใส่น้ำใบใหม่ออกมาสับเปลี่ยนกับ “โบราณวัตถุ” ชิ้นนั้น
“ไม่เป็นไร ของเก่าหน่อยไม่เป็นไร” ชายคนนั้นรีบห้าม
“คุณไม่แคร์ แต่ผมแคร์” เจ้าของร้านพูดยิ้มๆ
“นี่เป็นของเก่าสมัยราชวงศ์หมิงมีราคาหลายหมื่นเหรียญการค้าของผมล้วนแล้วแต่พึ่งสมบัติประจำตระกูลชิ้นนี้
☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘
การเห็นของที่ถูกใจแต่ความดีใจจนออกนอกหน้าทำให้ขาดวิจารณญาณไป นี่เป็นข้อเสียของทุกคน
พวกเรามักนึกว่า คนอื่นไม่ฉลาดเท่าตัวเองเวลาเดินหมาก ภาวนาว่าอีกฝ่ายหนึ่งสังเกตจุดอ่อนของพวกเราไม่ออก ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ทันสังเกต หันไปเดินตาอื่น พวกเราจะแอบดีใจ
หารู้ไม่ว่าถ้าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นยอดฝีมือ เขาอาจขุดหลุมพรางแห่งนี้ ล่อให้พวกเราหันหนีความสนใจไปเป็นเหตุให้ละเลยจุดอ่อนที่ใหญ่กว่าอีกแห่งหนึ่ง
☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘
คนซื้อบ้านมักบอกว่า “ทางที่ดีหาบ้านที่ประกาศขายโดยไม่มีนายหน้า จะได้ประหยัดเงินค่านายหน้า”
คนขายบ้านก็พูดในทำนองเดียวกันว่า “ทางที่ดีขายเอง จะได้ประหยัดเงินค่านายหน้า บวกเท่ากับราคาบ้าน”
คำพูด 2 ฝ่ายนี้ แสดงว่ามีความขัดแย้งกัน
พวกเขานึกแต่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนโง่ ทำไมไม่นึก คนที่ไม่มีนายหน้าพาชม ออกศึกด้วยตัวเอง ยิ่งเป็นบุคคลหลักแหลม ในทางกลับกัน ถ้าคุณหานายหน้า เขาพาคุณตระเวนดูบ้านต่างๆ ทำให้คุณมีการเปรียบเทียบและสามารถนำข้อมูลที่คนอื่นซื้อบ้านให้แก่ผู้ซื้อ ช่วยให้เขารู้ระดับราคา อาจตกลงซื้อขายอย่างสมเหตุสมผลมากกว่า
☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘ โคตรโกง ☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘☘